ผู้แทนรัสเซีย-ยูเครน โทษกันไปมาใน UNSC ปมเขื่อนแตก

การโทษกันไปมาระหว่างรัสเซียและยูเครนไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในระดับผู้นำประเทศเท่านั้น ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา ผู้แทนของรัสเซียและยูเครนในองค์การสหประชาชาติต่างโต้เถียงกันไปมากลางที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ด้วย วาสซิลี เนเบนเซีย เอกอัครทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ กล่าวว่า ยูเครนคือผู้ที่ระเบิดเขื่อนเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้คน หลังล้มเหลวในการทำปฏิบัติการโต้กลับรัสเซียจนต้องเสียทหารไปหลักร้อยนายเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

โรงไฟฟ้า-คาบสมุทรไครเมีย อาจเจอผลกระทบจากเขื่อนแตก

“เขื่อนแตก” ในภูมิภาคเคอร์ซอน ยูเครนอ้างเป็นฝีมือรัสเซียวางระเบิด

หลังจากนั้นเซอร์กี คิสลิตสยา เอกอัครทูตยูเครนประจำสหประชาชาติ ก็พูดได้สวนกลับทูตรัสเซียทันทีว่า รัสเซียคือผู้ทำลายเขื่อน เนื่องจากตัวเขื่อนไม่สามารถถูกทำลายได้จากการยิงภายนอก และผู้ที่ครอบครองเขื่อนแห่งนี้คือ รัสเซีย

ประเด็นเรื่องผู้ทำลายเขื่อนโนวา คาโคฟกายังคงเป็นที่ถกเถียงและไม่มีใครสามารถยืนยันได้แบบชัดๆ ว่า ยูเครนหรือรัสเซียเป็นคนลงมือ แม้แต่สหรัฐฯ ก็ยังไม่กล้ายืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือฝ่ายใด

วานนี้ 6 มิ.ย. จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ได้ออกมาแถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องเขื่อนโนวา คาโคฟกา โดยระบุว่าสหรัฐฯ กำลังเก็บข้อมูลเรื่องนี้อยู่และไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่เขื่อนแห่งนี้

ประเด็นเรื่องผู้ลงมือทำลายเขื่อนแห่งนี้เป็นประเด็นใหญ่และประเด็นสำคัญที่หลายฝ่ายต้องการรู้ เนื่องจากผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเรื่องนี้ถือว่ารุนแรงมากและผิดกฎหมายระหว่างประเทศ จนเข้าข่ายการก่ออาชญากรรมสงคราม

ตอนนี้บรรดานักวิเคราะห์และนักวิชาการจำนวนไม่น้อยต่างออกมาอภิปรายและงัดหลักฐานเพื่อสืบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นนี้อย่างจริงจัง โดยข้อสันนิษฐานมีทั้งที่ระบุว่ายูเครนเป็นผู้ระเบิดเขื่อนเองและรัสเซียเป็นผู้ระเบิดเขื่อน

สำหรับกรณีแรก ถ้ายูเครนเป็นผู้ลงมือระเบิดเขื่อน ยูเครนทำไปเพราะอะไรและจะได้อะไรจากหายนะครั้งนี้

มารินา มีรอน นักวิจัยประจำภาควิชาสงครามศึกษาจากคิงส์ คอลเลจ ลอนดอนระบุว่า ถ้ายูเครนเป็นผู้ระเบิดเขื่อน สาเหตุอาจเป็นเพราะต้องการดึงดูดความสนใจของรัสเซียจากการโต้กลับในฤดูร้อน

นอกจากนี้ เธอยังกล่าวเสริมว่าการระเบิดเขื่อนไม่ใช่แผนใหม่ แผนแบบนี้เคยถูกใช้มาแล้วในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกองทัพฟินแลนด์และสหราชอาณาจักร เพื่อสร้างหล่มโคลนและน้ำขัง ป้องกันการรุกคืบของกองทัพรถถังฝ่ายศัตรู

นักวิจัยรายนี้ ยกตัวอย่างเพิ่มเติมว่า ยูเครนเคยใช้แผนระเบิดเขื่อนเพื่อขวางกองทัพรัสเซียในเมืองเออร์พิน ตอนช่วงต้นของสงครามเมื่อปีที่แล้ว ขณะเดียวกัน นักวิจัยรายนี่ก็ได้อธิบายถึงแรงจูงใจในการระเบิดเขื่อนของฝั่งรัสเซียเช่นกัน

เธออธิบายว่า ถ้าเรื่องนี้เป็นฝีมือของรัสเซีย เหตุผลเดียวที่อยู่เบื้องหลังการกระทำนี้คือรัสเซียต้องการหยุดการโต้กลับในฤดูร้อนของยูเครน

เนื่องจากวิกฤตด้านมนุษยธรรมจะทำให้ยูเครนต้องหันไปช่วยประชาชนก่อน และน้ำที่ท่วมขังในพื้นที่จะทำให้เกิดดินโคลนและแอ่งน้ำ จนกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางการเคลื่อนรถถังเพื่อทำปฏิบัติการยึดเคอร์ซอนตะวันออก

ความเห็นของนักวิจัยจากคิงส์ คอลเลจ ลอนดอนข้อนี้ สอดคล้องกับความเห็นของมาเชจ์ มาติเชียค ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง อดีตรองผู้บัญชาการฝ่ายข่าวกรองทางทหารของโปแลนด์ที่ระบุว่า การระเบิดเขื่อนจะช่วยป้องกันกองทัพรัสเซียจากปฏิบัติการโต้กลับของยูเครนในแคว้นเคอร์ซอนตะวันออก

 ผู้แทนรัสเซีย-ยูเครน โทษกันไปมาใน UNSC ปมเขื่อนแตก

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์รายนี้เชื่อว่าแผนระเบิดของรัสเซียซื้อเวลาได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะกองทัพยูเครนมียุทโธปกรณ์ที่พร้อมทำสงครามในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยดินโคลนอ่อนนุ่ม

คำพูดจาก เว็บสล็อตลิขสิ

“คิม จองอึน” อยู่ต่อในรัสเซีย หลังพบ “ปูติน”

ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียเปิดเผยว่า คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือจะอยู่ในรัสเซียต่อไปอีกหลายวัน โดยคาดว่า คิม จองอึน จะเดินทางไปเยี่ยมชมเรือรบรัสเซียและโรงงานหลายแห่ง รวมทั้งแวะเยือนเมืองวลาดิวอสต็อก ทางภาคตะวันอออกของรัสเซีย ในระหว่างการนั่งรถไฟกลับกรุงเปียงยาง

ส่วน ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ได้เดินทางกลับกรุงมอสโกแล้ว หลังจากได้พบกับผู้นำเกาหลีเหนือที่ “วัสโตชนี คอสโมโดรม” ศูนย์อวกาศสำคัญของรัสเซียในเมืองวัสโตนี ในภูมิภาคตะวันออกไกล

“คิม จองอึน” เยือนกองเรือแปซิฟิกปิดท้ายก่อนกลับเปียงยาง

ยูเครนยิงขีปนาวุธ โจมตีฐานทัพเรือ-ท่าเรือในไครเมีย

“ปูติน” ต้อนรับ“คิม” เยือนรัสเซีย คาดดีลอาวุธสู้ยูเครน แลกช่วยปล่อยดาวเทียม

โดยหลายฝ่ายเชื่อว่า ประเด็นสำคัญในการหารือระหว่างผู้นำทั้งสองคือความร่วมมือด้านการทหารและการเจรจาซื้อขายอาวุธ นอกจากนี้ ประธานาธิบดีปูตินยังได้ตอบรับคำเชิญเยือนเกาหลีเหนือด้วย

ขณะที่กระทรวงการคลังและกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่ต่อบุคคลและบริษัทต่างๆรวมทั้งสิ้นประมาณ 150 รายชื่อในรัสเซีย ตุรกี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และจอร์เจีย ตามแผนป้องกันการหลบหลีกการควบคุมและจำกัดการค้าต่าง ๆ เพื่อปิดกั้นการระดมทุนสนับสนุนรัสเซียทำสงครามในยูเครน

การประกาศมาตรการชุดใหม่รอบนี้ คือ การคว่ำบาตรครั้งใหญ่ที่สุดโดยกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงการคลังสหรัฐฯ โดยพุ่งเป้าไปที่การจัดการกับกลุ่มที่ยังขายเทคโนโลยีตะวันตกให้กับรัฐบาลรัสเซีย โดยเฉพาะบุคคลหรือธุรกิจที่อยู่ในตุรกีซึ่งเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโต

มาตรการลงโทษดังกล่าวซึ่งสั่งอายัดทรัพย์สินที่ธุรกิจหรือบุคคลใด ๆ ถือครองอยู่ในสหรัฐฯ ยังพุ่งเป้าไปยังการสกัดกั้นภาคพลังงานของรัสเซียที่เป็นกลไกสำคัญในการหาเงินสนับสนุนการทำสงคราม ซึ่งรวมถึงโครงการขุดก๊าซธรรมชาติในทะเลอาร์กติกและเหมืองต่างๆรวมทั้งโรงงานที่รับผลิตและซ่อมแซมอาวุธให้กับกองทัพรัสเซีย

สำนักงานประสานงานมาตรการลงโทษของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่าจุดประสงค์ของการดำเนินแผนงานนี้คือ การจำกัดความสามารถในการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ของรัสเซีย และเพื่อลดสภาพคล่องในการนำเงินมาใช้จ่ายเพื่อการทำสงคราม

นอกจากนั้น มาตรการชุดล่าสุดของสหรัฐฯ ยังพุ่งเป้าไปที่บริษัทสัญชาติตุรกี ฟินแลนด์และรัสเซียที่ช่วยรัสเซียจัดหาส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์จากสหรัฐฯ และยุโรป เช่น ชิปและตัวประมวลผลคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถนำไปใช้งานได้ทั้งกับอุปกรณ์สำหรับพลเรือนและสำหรับทหาร

 “คิม จองอึน” อยู่ต่อในรัสเซีย หลังพบ “ปูติน”

โดยก่อนที่สงครามในยูเครนจะเปิดฉากขึ้น รัสเซียนำเข้าราว 90% ของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จากประเทศที่เป็นสมาชิกกลุ่มจี 7 แต่หลังมีการดำเนินมาตรการคว่ำบาตร ตัวเลขดังกล่าวได้ลดลงเหลือ 30%คำพูดจาก เว็บสล็อต ดีที่สุดในไทย

ขณะที่เมื่อวานนี้ บริษัท “แพลเนต แล็บส์” (Planet Labs) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐฯ ได้เปิดเผยภาพถ่ายดาวเทียมที่แสดงให้เห็นถึงร่องรอยการรื้อถอนเต็นท์ทหารของกำลังพลในสังกัดองค์กรทหารรับจ้างรัสเซีย “แวกเนอร์กรุ๊ป” จำนวน 273 หลังในหมู่บ้าน “ทเซล” (Tsel) ของเบลารุส

โดยภาพถ่ายดาวเทียมชุดนี้ถูกบันทึกไว้เมื่อวันวันที่ 23 ส.ค. ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ นาย เยฟกินี พริโกซิน หัวหน้าแวกเนอร์กรุ๊ป เสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินตก หลังความพยายามนำกำลังบุกกรุงมอสโกล้มเหลวและต้องนำทหารไปลี้ภัยในเบลารุส

หลังจากที่ภาพเหล่านี้ปรากฎออกมา สื่อโซเชียลมีเดียที่มีความเชื่อมโยงกับแวกเนอร์กรุ๊ปชี้แจงว่าทหารในสังกัดได้เดินทางไปรัสเซียเพื่อพักผ่อน และบางส่วนถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจในทวีปแอฟริกา

นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่แคมป์ของทหารแวกเนอร์กรุ๊ปอาจถูกย้ายไปยังจุดอื่นของเบลสรุส เนื่องจากภาพดาวเทียมก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่ามีการขุดสนามเพลาะในพื้นที่สนามฝึกซ้อมรบ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองทเซลประมาณ 15 กิโลเมตร

อายัด 'สลากกินแบ่งรัฐบาล' งวด 16ก.ย. 66 จำนวน 90 เล่ม 9,000 ใบ

ย้อนดู “เงินเดือนข้าราชการ” หลัง ครม.สั่งการแบ่งจ่าย 2 รอบ/เดือน

วันขอเงินพระจันทร์ “อมาวสี” คืออะไร พร้อมแจกฤกษ์มงคลตลอดปี 2566