เช็กที่นี่ กลุ่มเปราะบางใครมีสิทธิ์ลดดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25%

หลังจากที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เชิญผู้บริหารสูงสุดของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 4 แห่งเข้าพบ เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 เพื่อขอให้พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของประชาชนกลุ่มเปราะบาง และ SMEs เพื่อช่วยลดภาระดอกเบี้ยคำพูดจาก เว็บสล็อตแท้

ต่อมาสมาคมธนาคารไทย ประชุมร่วมกันมีมติลดดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.25% เพื่อช่วยลูกค้ากลุ่มเปราะบางทั้งลูกค้าบุคคลและ SMEs เป็นเวลา 6 เดือน แม้ว่าการประชุมครั้งล่าสุด (10 เม.ย.) ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% ต่อปี

นับจากวันที่สมาคมธนาคารไทยมีมติว่าลดดอกเบี้ยต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน (7 พ.ค.) ปรากฏว่า มีธนาคารพาณิชย์ 6 แห่ง ประกาศลดดอกเบี้ยแล้ว เริ่มจากแบงก์กรุงเทพ เป็นแบงก์แรก ลดดอกเบี้ยเงินกู้รายย่อย 0.25% มีผลตั้งแต่ 29 เม.ย. ที่ผ่านมา ส่วนที่เหลือ 5 แบงก์ จะลดดอกเบี้ยวันที่ 16 พ.ค. 67

รายชื่อ 6 แบงก์ที่ลดดอกเบี้ยรายย่อย 0.25%

ธนาคารกรุงเทพ ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.25% ต่อปี อยู่ที่ 7.05% มีผลตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย. 67

ธนาคารกรุงไทย ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ MRR MLR และ MOR 0.25% ให้ลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และ SME รายย่อย ลดภาระทางการเงิน มีผลวันที่ 16 พ.ค. 67

ธนาคาร ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.25% ต่อปี เป็นเวลา 6 เดือน ให้แก่ลูกค้าสินเชื่อบ้าน และลูกค้าสินเชื่อเอสเอ็มอี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. 67

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สำหรับเงินกู้ (Loan) ที่อ้างอิงอัตราดอกเบี้ยลอยตัว MRR และ MLR เพื่อช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และผู้ประกอบการ SME รายย่อย เป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.67คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ที่อ้างอิงอัตราดอกเบี้ยลอยตัว MRR MLR และ MOR ลง 0.25% เป็นระยะเวลานาน 6 เดือน มีผลตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. 67 – 15 พ.ย. 67

ธนาคารกสิกรไทย ปรับลดดอกเบี้ย 0.25% สำหรับเงินกู้ (Loan) ที่อ้างอิงอัตราดอกเบี้ยลอยตัวเป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. 67

ลูกหนี้กลุ่มเปราะบางที่ได้สิทธิ์ลดดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25%

สำหรับลูกหนี้ธนาคารที่อยู่ในข่ายกลุ่มเปราะบางที่จะได้สิทธิ์ลดดอกเบี้ยเงินกู้ คือลูกค้าสินเชื่อบุคคลรายย่อยที่ยังอยู่ในมาตรการความช่วยเหลือของธนาคารฯ ทั้งสินเชื่อบ้าน และสินเชื่อส่วนบุคคล โดยลูกค้าสินเชื่อบ้าน ที่มีรายได้รวมเฉลี่ยต่อเดือน ไม่เกิน 30,000 บาท และมีวงเงินอนุมัติไม่เกิน 2 ล้านบาท

ส่วนลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการ SME รายย่อย แต่ละธนาคารมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป เช่น

KTB : ลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการ SME รายย่อยที่มีรายได้กิจการต่อเดือนไม่เกิน 2 ล้านบาทและมีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท

SCB : ลูกค้าผู้ประกอบการ SME รายย่อย สินเชื่อธุรกิจ ประเภทเงินกู้ระยะยาว (Term Loan) ที่มีวงเงินสินเชื่อรวมไม่เกิน 2 ล้านบาท (โดยพิจารณาจากยอดค้างชำระเงินกู้ระยะยาว และวงเงินสินเชื่อหมุนเวียน

TTB : ลูกค้าสินเชื่อเอสเอ็มอี ที่มีรายได้ในปี พ.ศ. 2565 ไม่เกิน 30 ล้านบาท และมีวงเงินอนุมัติไม่เกิน 5 ล้านบาท

BAY : ลูกค้าผู้ประกอบการ SME ซึ่งเป็นลูกค้าปัจจุบันครอบคลุมทั้งที่เป็นลูกค้าบุคคลและนิติบุคคล ที่มีวงเงินสินเชื่อธุรกิจรวมไม่เกิน 2 ล้านบาท (ตามข้อมูลธนาคาร ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567) และมียอดขายไม่เกิน 200,000 บาทต่อเดือน (ตามการประเมินของธนาคาร ณ วันที่ธนาคารพิจารณาอนุมัติสินเชื่อดังกล่าวครั้งล่าสุด)

KBANK : ลูกค้า SME ที่มียอดค้างชำระเงินกู้กับธนาคารกสิกรไทย และวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนกับธนาคารกสิกรไทย รวมกันแล้วไม่เกิน 2,000,000 บาท ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 และมียอดขายไม่เกิน 200,000 บาทต่อเดือน ตามการประเมินของธนาคาร ณ วันที่ธนาคารพิจารณาอนุมัติสินเชื่อดังกล่าวครั้งล่าสุด

พยากรณ์อากาศล่วงหน้า 7-16 พ.ค.67 ฝนฟ้าคะนองเพิ่มขึ้น

เช็ก 45 จังหวัด สิทธิบัตรทอง 30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว

ฟุตซอลไทย อันดับ 9 โลก หลังฟีฟ่า จัดอันดับทางการ